ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เฌอปราง ได้ที่ 1 ในเหตุการณ์นี้ แต่…สิ่งที่ได้เห็นระหว่างทาง มีเรื่องราวใดเกิดขึ้นบ้าง น่าสนใจอย่างไร ขอเล่าถึงสิ่งที่เราสัมผัสได้หลังจาก มีโอกาสได้ชมก่อนในรอบสื่อมวลชน
เพราะไอดอลคือการแข่งขัน
ในแง่ของสารคดี One Take ทำได้ดีในการฉายภาพความกดดันของเหล่าสมาชิกทุกคนในวันที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นและมีโจทย์ใหม่ๆ ที่ต้องคิด การให้สมาชิกมาเข้าคลาสการแสดงด้วยกันเป็นจำนวนมากทำให้เราเห็นฟุตเตจที่เป็นส่วนตัว และแสดงอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาออกมาอย่างตรงๆ และดูจริง ต้องยอมรับว่าผู้กำกับ โดนัท มนัสนันท์ ตัดสินใจถูกที่สร้างกิจกรรมนี้ให้น้องๆ ได้มาทำร่วมกัน
การถ่ายหลายๆ ช็อตดูจะเป็นการถ่ายแบบไม่ให้รู้ตัว (Candid) ซึ่งก็ทำให้เห็นมุมมองที่แปลกใหม่ที่ไม่คาดว่าจะเห็นจากน้องๆ ในวง ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดเมื่อครูสอนการแสดงโยนหมอนเข้าไปกลางวงแล้วให้น้องๆ แย่งกัน ภาพของเศษฝ้ายที่ปริแตกออกมาจากหมอนที่ถูกรุมฉีกกระชากเป็นภาพแทนของความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกันอยู่ในทีของเหล่าสมาชิก – ในแง่หนึ่งพวกเขาก็มองกันและกันเป็นเพื่อน แต่อีกแง่ก็คือคู่แข่ง
สมาชิกหลายคนให้สัมภาษณ์ตรงๆ ว่าการเปิดรับรุ่นสองทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี เพราะพวกเขาไม่ชอบการแข่งขัน เมื่อเปิดรับสมาชิกใหม่ จากที่แฟนคลับกำลังจะจำสมาชิกได้ทุกคน ก็มีคนอื่นเข้ามาแย่งความสนใจ
การแข่งขันในลักษณะนี้ทำให้น่าตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใด น้องๆ จึงแข่งกันแบบเดียวกับที่ศิลปินในวงการเดียวกันแข่งกันไม่ได้ – ยกตัวอย่างวงการเพลง ถ้ารีฮันน่าได้รางวัลแกรมมี่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ย่อมยินดีกับเธอได้ และรีฮันน่าก็ย่อมแสดงความดีใจออกมาจริงๆ แต่ในบรรยากาศของไอดอลกรุ๊ปเช่นนี้ เวลาที่ชนะก็ดีใจจนสุดไม่ได้ เพราะพวกเขาจะเห็นว่ามีเพื่อนที่ร้องไห้อยู่ ทุกครั้งที่มีการประกาศผลจัดอันดับอะไรสักอย่างจะมีคนร้องไห้เสมอ
|