[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
โรงเรียนถ่อนวิทยา
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
เมนูหลัก
link banner
e-Learning

Link Banner














ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 28 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
ค้นหาจาก google


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ยายสองพี่น้องเครียด ถูกทวงหนี้กองทุน 2 แสน ทั้งที่ไม่ได้กู้ เจอข่มให้หยุดสู้คดี  VIEW : 188    
โดย จจ

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 152
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 9
Exp : 97%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 171.4.219.xxx

 
เมื่อ : จันทร์ ที่ 4 เดือน กรกฏาคม พ.ศ.2565 เวลา 15:41:39    ปักหมุดและแบ่งปัน

(3 กรกฎาคม65) นักข่าวได้รับร้องเรียนวิงวอนจาก   สมัคร สล็อตpg    นางบุญส่ง บุญกระสินธุ์ อายุ 79 ปี และ นางละมัย นพสกุล อายุ 67 ปี สองพี่น้องซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่าขาย ว่า ตนกับน้องสาวได้รับหนังสือทวงหนี้เงินกู้ยืมจากกองทุนพัฒนาสตรีอำเภอบางใหญ่ เป็นเงินจำนวน 2 แสนบาทพร้อมอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตนกับน้องสาวตกอกตกใจเป็นอย่างมากเพราะตนกับน้องมีอาชีพเก็บของเก่าขายประทังชีวิตกับได้รับเงินช่วยเหลือคนชราคนละ 600 บาทต่อเดือน ไม่เคยไปเซ็นกู้หนี้ยืมหนี้สินจากใครมาก่อนเลย แต่จู่ ๆ มีหนังสือจากอำเภอบางใหญ่มาทวงเงินถึง 2 แสนบาท ทั้งๆ ที่ตนกับน้องสาวไม่เคยกู้ไม่เคยทำธุรกรรม ทำให้ตนกับน้องสาวถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะแจกแจงหรือทำอย่างไรกับหนังสือทวงหนี้ฉบับนี้ จึงได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางแม่นาง แต่สุดท้ายคดีก็ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ
นางบุญส่ง วัย 79 ปี กล่าวอีกว่า เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมามีคนโทรศัพท์มาแจ้งกับคนในครอบครัวตนว่า ขอให้เรื่องนี้จบลงได้ไหม อย่าค้าความหรือสู้คดีอีก เพราะนอกจากตนกับน้องจะไม่มีเงินจ้างทนายมาสู้คดีแล้วยังจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้จำนวนนี้อีกด้วย แต่ตนกับน้องสาวไม่กลัวเพราะชีวิตนี้อายุก็มากกันแล้ว จะขอต่อสู้เพื่อให้ขอความเป็นธรรมต่อไป ตนกับน้องสาวไม่เคยเอาเอกสารหรือบัตรประชาชนอะไรก็ตามไปยื่นกู้เงินมาก่อนเลย แล้วทำไมจำเป็นจะต้องมาใช้หนี้จำนวนมากขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่เคยได้รับเงินมาแม้แต่บาทเดียว แต่ถ้าจะให้ตนกับน้องจบเรื่อง ก็ต้องหาตัวคนที่นำชื่อนำเอกสารปลอมไปยื่นกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสตรีอำเภอบางใหญ่มาดำเนินคดี แล้วยกเลิกหนังสือแจ้งหนี้ให้น้องสาวตนเองก่อน
นางบุญส่ง กล่าวว่า สภาพจิตใจในตอนนี้ตนกับน้องสาวเครียดกันเป็นอย่างมาก อยากวิงวอนให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เผ่านาดูแลตรวจดูเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้ให้ความเป็นธรรมกับตนและน้องสาวด้วย ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ข้างปกครองในอำเภอบางใหญ่บางคน มีส่วนรู้เห็นในการทำเอกสารปลอมไปยื่นกู้เงินกับกองทุนนี้และจากนั้นก็อนุมัติให้กู้เงินกันไป ตนกับน้องสาวจึงขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีเร่งสำรวจในเรื่องนี้ด้วย
นางบุญส่ง กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ตนเองก็ขาไม่ดีเดินไกลๆ ไปเก็บของเก่ามารวมไว้ขายไม่ได้ จึงเหลือแต่น้องสาวเพียงคนเดียวที่ยังพอจะตื่นแต่เช้าไปเดินเก็บของเก่าหน้าร้านสะดวกซื้อได้ เดือนหนึ่งก็จะขายได้ประมาณพันกว่าบาทมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ตนอยากฝากถามไปถึงคนที่ทำเรื่องอย่างงี้ว่า เอาสมองส่วนไหนนึกถึงได้ทำเรื่องอย่างงี้ เอาชื่อคนแก่ไปกู้เงินแล้วเอาเงินไปใช้เพื่อให้ความสุขของตนเองแต่กลับเอาทุกข์เอาหนี้มาทำให้คนแก่เดือดร้อน มันถูกต้องไหม
นักข่าวแถลงการณ์ว่า จากการพิจารณาหนังสือทวงหนี้ฉบับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พบว่า เป็นหนังสือซึ่งออกโดยที่ว่าการอำเภอบางใหญ่ เลขที่ นบ 0319/ว 448 ลงวันที่ 12 ก.พ.63 ซึ่งแจ้งการลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดกองทุนพัฒนาหน้าที่สตรี ถึงนางละมัย นพสกุล พร้อมใบทะเบียนคุมลูกหนี้ ในชื่อโครงงานกลุ่มอาชีพแปรรูปผลไม้ตามฤดู จำนวนเงินกู้ 2 แสนบาท โดยมีชื่อของนางละมัย นพสกุล อยู่ในรายชื่อของสมาชิกผู้ร่วมเสนอแผนการดังที่กล่าวถึงมาแล้วด้วย